Strokes Gained: สถิติลับของโปร ที่จะเปลี่ยนวิธีซ้อมกอล์ฟและลดสกอร์ของคุณไปตลอดกาล

ซ้อมแทบตายทำไมสกอร์ไม่ลง? เคล็ดลับที่ซ่อนอยู่ใน “Strokes Gained” ซึ่งโปรใช้ แต่เราไม่เคยรู้!
เคยสงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมเราซ้อมพัตต์วันละเป็นชั่วโมง ซ้อมชิพจนมือด้าน แต่พอออกรอบจริง สกอร์ก็ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม? เราอาจจะเคยได้ยินคำพูดติดหูที่ว่า “ไดรฟ์ดีแค่โชว์ พัตต์ดีสิของจริง” และเชื่อแบบนั้นมาตลอด เพราะถ้าดูเผินๆ มันก็ใช่ ถ้าคุณตี 85 และพัตต์ไป 35 ครั้ง ก็เท่ากับว่า 40% ของสกอร์มาจากบนกรีน

แต่เดี๋ยวก่อน… แล้วพัตต์สั้นๆ แค่คืบเดียวล่ะ? มันสำคัญเท่ากับช็อตไดรฟ์ 280 หลาที่ผ่ากลางแฟร์เวย์จริงหรือ?

วันนี้เราจะมาทลายความเชื่อเก่าๆ ด้วยสถิติตัวใหม่ที่เรียกว่า

“Strokes Gained” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่โปรใน PGA Tour ใช้มาตั้งแต่ปี 2011 และตอนนี้มันพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเกมกอล์ฟของเราทุกคน

Strokes Gained คืออะไร? ทำไมมันเจ๋งกว่าสถิติเดิมๆ?

สถิติแบบดั้งเดิมอย่าง “ตีอยู่ในแฟร์เวย์กี่เปอร์เซ็นต์” (Fairways Hit) หรือ “พัตต์กี่ครั้งต่อรอบ” (Putts Per Round) มันบอกความจริงได้ไม่หมด

นึกภาพตามนะครับ…

  • สถานการณ์ไดรฟ์: คุณกับเพื่อน ไดรฟ์ลงแฟร์เวย์เหมือนกันเป๊ะ สถิติ Fairways Hit บอกว่าพวกคุณทำได้ดีเท่ากัน แต่… ช็อตของคุณไปหยุดที่ 280 หลา เหลือระยะขึ้นกรีนสบายๆ ส่วนเพื่อนคุณตีได้ 220 หลา ยังเหลืออีกไกล แน่นอนว่าช็อตของคุณดีกว่าเห็นๆ! Strokes Gained จะบอกได้เลยว่าความได้เปรียบ 60 หลานั้น มีค่าเป็นกี่สโตรค
  • สถานการณ์แอพโพรช: คุณกับเพื่อน ตีตกกรีนทั้งคู่ สถิติ Greens in Regulation บอกว่าพวกคุณพลาดเหมือนกัน แต่… ลูกของคุณอยู่แค่ขอบกรีน ห่างหลุม 30 ฟุต ส่วนเพื่อนคุณตีพลาด ลูกตกสั้นไป 50 หลา ยังเหลือระยะอีกตั้ง 100 หลาถึงหลุม สถานการณ์ของคุณง่ายกว่าเยอะมาก Strokes Gained จะประเมินค่าของช็อตทั้งสองนี้ตามความยากง่ายที่เหลืออยู่ได้

Strokes Gained ให้คุณค่ากับ “ทุกช็อต” ที่คุณตี โดยเทียบกับมาตรฐานว่าจากระยะและตำแหน่งนั้นๆ นักกอล์ฟโดยเฉลี่ยต้องตีอีกกี่ครั้งถึงจะลงหลุม ถ้าคุณทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย คุณก็ “Gain” (ได้เปรียบ) ถ้าทำได้แย่กว่า คุณก็ “Lose” (เสียเปรียบ)

เจาะลึกข้อมูล “โปร vs. มือสมัครเล่น”: เราเสียแต้มให้โปรตรงไหนบ้าง?

จากตาราง “Pros vs. Joes” ที่เปรียบเทียบนักกอล์ฟสมัครเล่นแต้มต่อต่างๆ (HCP) กับโปร benchmark เราจะเห็นความจริงที่น่าตกใจ ตัวเลขติดลบทั้งหมด หมายถึง เรา “เสียสโตรค” หรือ “ตีแย่กว่า” โปรในทุกๆ ด้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าสนใจคือ…

ประเภทช็อต
TEE SHOTS
APPROACHES
SHORT GAME
PUTTING
TOTAL
แต้มต่อ 0
-1.78
-2.03
-0.39
-0.94
-5.14
แต้มต่อ 5
-3.34
-4.29
-0.97
-1.42
-10.02
แต้มต่อ 10
-3.61
-6.11
-1.33
-2.77
-13.82
แต้มต่อ 15
-4.86
-8.54
-3.18
-4.46
-21.04
แต้มต่อ 20
-5.75
-11.26
-4.06
-4.48
-25.55
แต้มต่อ 25
-7.53
-14.23
-5.42
-4.71
-31.89

ข้อสังเกตสำคัญ:

  • จุดที่เลือดไหลเยอะที่สุด: คือ “ลูกแอพโพรช” (Approaches) หรือช็อตขึ้นกรีน ยิ่งแต้มต่อสูงขึ้น ช่องว่างตรงนี้ยิ่งห่างจากโปรมากขึ้นไปอีก นักกอล์ฟแฮนดิแคป 25 เสียสโตรคให้โปรในการตีขึ้นกรีนมากถึง 14.23 สโตรคต่อรอบ!
  • เกมยาวคือพระเอก: รองลงมาคือ “ทีช็อต” (Tee Shots) เมื่อรวมคะแนนของ Tee Shots และ Approaches เข้าด้วยกัน จะเห็นว่ามันคือส่วนที่ทำให้เราเสียแต้มมากที่สุดอย่างชัดเจน
  • พัตต์กับเกมสั้น ไม่ได้ห่างขนาดนั้น: แม้เราจะพัตต์สู้โปรไม่ได้ แต่สังเกตดูสิครับว่า ตัวเลขที่เสียไปในส่วนของ Short Game และ Putting นั้น น้อยกว่าเกมยาวหลายเท่าตัว

บทสรุป: ถ้าอยากสกอร์ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ต้องโฟกัสให้ถูกจุด!

ข้อมูลทั้งหมดชี้ไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน:

  • เกมยาวคือตัวตัดสินสกอร์ที่แท้จริง: งานวิจัยของ Mark Broadie ผู้ริเริ่มแนวคิดนี้ สรุปว่าประมาณ 2 ใน 3 (ราวๆ 67%) ของความแตกต่างด้านสกอร์ระหว่างนักกอล์ฟ มาจากเกมยาว (ช็อตนอกระยะ 100 หลา) ล้วนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

“ลูกแอพโพรช” คือส่วนที่สำคัญที่สุดในการสร้างสกอร์

  • การพัตต์ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิด: การพัตต์มีผลต่อความแตกต่างของสกอร์โดยรวมเพียงแค่ประมาณ 15% เท่านั้น! ไม่ใช่ว่ามันไม่สำคัญเลย แต่มันยากที่นักกอล์ฟจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญด้วยพัตเตอร์เพียงอย่างเดียว

แล้วเราควรทำอย่างไร?

เป้าหมายระยะยาว (เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน): จงสร้างเกมของคุณจากแท่นทีไปหากรีน

  • ตีไดรเวอร์ให้มีประสิทธิภาพ: ไม่ต้องถึงกับลงแฟร์เวย์ทุกครั้ง แต่ต้อง “อยู่ในเกม” และพยายามเพิ่มระยะอย่างสมเหตุสมผล
  • ซ้อมเหล็กให้หนัก: การตีออนกรีนให้มากขึ้น คือกุญแจสำคัญที่สุดในการลดสกอร์อย่างก้าวกระโดด

เป้าหมายระยะสั้น (เพื่อลดแต้มแบบเร่งด่วน): เกมสั้นและพัตต์คือ “ทางลัด” ชั้นดี

  • หากคุณยังเสียแต้มง่ายๆ กับการชิพท็อป ชิพหลังลูก หรือ 3 พัตต์บ่อยๆ การแก้ไขจุดนี้จะช่วยลดแฮนดิแคปของคุณได้อย่างรวดเร็ว มันคือ “ผลไม้ที่อยู่กิ่งต่ำ” (low-hanging fruit) ที่เก็บเกี่ยวได้ง่าย
  • แต่ต้องเข้าใจว่าการพัฒนาจากเกมสั้นนั้นมี “เพดาน” อยู่ เมื่อคุณเก่งถึงระดับหนึ่งแล้ว การจะพัฒนาไปอีกนั้นทำได้ยากกว่าการพัฒนาเกมยาว

ดังนั้น เลิกเสียเวลาไปกับความเชื่อผิดๆ แล้วหันมามองเกมของตัวเองตามความเป็นจริง การทำความเข้าใจว่าเราเสียแต้มที่จุดไหนมากที่สุด คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการวางแผนซ้อมเพื่อไปให้ถึงสกอร์ที่คุณใฝ่ฝัน!